สวัสดีคะ วันนี้อุ๊จะมาบอกวิธีเกี่ยวกับ วิธีแก้ไขในการบูทแผ่น windows xp แล้วคีย์บอร์ดใช้ไม่ได้
เนื่องจากเครื่องของอุ๊ไม่สามารถลง boot ได้ เพราะ คีย์บอร์ดไม่ทำงาน
ตรง num bock ไฟดับ ไม่สามารถกดอะไรได้
ปกติ เวลาลงวินโดว มันจะขึ้นคำว่า press any key to boot from cd
แล้วให้เรากด enter ในเมื่อ คีย์บอร์ดไม่สามารถใช้งานได้ เราก็ไม่สามารถกด enter ได้คะ
วิธีแก้ ::
รีสตาร์ทเครื่อง กด del เข้าไปใน bios setup จากนั้น ทำตามรูปเลยคะ
จากนั้นก็กด f10 save แล้วก็ให้มันขึ้นคำว่า press any key to boot from cd
แล้วก็กด enter จากนั้นมันก็จะ boot ตามปกติคะ
อาจจะพิมพ์ไม่ค่อยเข้าใจนะค้ะ พอดีเริ่มมึน ๆ นิดหน่อย
มีอะไรถามได้นะค้ะ จะพยายามช่วยเต็มที่คะ :)
Lusiicake blog
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556
ประสบการณ์เด็กสายอาชีพ ตอนที่ 2
สวัสดีตอนดึก ๆ คะ .. อุ๊เพิ่งกลับมาจากกินเนื้อกระทะ + กินน้ำปั่นคะ
แล้วก็เพิ่งดูคุณชายปวรรุจจบคะ ถึงเวลามาอัพบทความต่อ
- เมื่ออุ๊ต้องเสียเพื่อนในห้องเรียนไป 1 คน
วันนั้น วันที่ 19 กันยายน 2554 เป็นวันสอบกลางภาคคะ อุ๊มีสอบทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายคะ
ช่วงเช้า เพื่อนอุ๊ 2-3 คน ไม่มีสิทธิ์สอบคะ เนื่องจากเวลาเรียนไม่ครบ
พอช่วงบ่าย อุ๊มีสอบวิชาภาษาไทยเป็นวิชาสุดท้ายคะ
เพื่อนของอุ๊ ชื่อฟาร์น นายฮารีฟาร์น บาดง ไม่มาเข้าสอบคะ
ตอนนั้นอุ๊ก็คิดว่า เพื่อนคงไม่มีสิทธิ์สอบคะ พอสอบเสร็จก็แบกสังขารตัวเองมาที่หน้าตึก
เพื่อจะดูรายชื่อว่าเพื่อนของอุ๊มีสิทธิ์สอบรึป่าว
ปรากฎว่า เพื่อนของอุ๊มีสิทธิ์สอบคะ แต่ตอนนั้นแบบรู้สึก "เห้ย ทำไมไม่มาสอบวะ ไรงี้"
พูดปุ๊ป เพื่อนของอุ๊ก็มาคะ และอุ๊ก็โบกมือเรียกมันมา และตีไหล่มันทีนึง ไล่มันไปสอบคะ
อุ๊พูดกับเพื่อนไม่ค่อยดีคะ แต่จำไม่ได้ว่าพูดอะไร หลังจากนั้นอุ๊ก็กลับบ้านคะ
โดยที่แขวนสูทไว้ที่ทางเข้าหลังบ้าน ส่วนตัวอุ๊นั่งเล่นคอมคะ + ตั้งเสียงสั่น เลยไม่ได้ยินเสียงมือถือ
ประมาณ 4 โมงกว่า ๆ เพื่อนของอุ๊ทักเฟสมาคะ บอกว่า ฟาร์นเสียแล้ว ถูกรถ 10 ล้อชน
พอได้อ่านแบบนั้น ตอนแรกคิดว่าเพื่อนแกล้งคะ เลยวิ่งไปหยิบมือถือมา
มีมิสคอล ประมาณ 24 สายคะ อุ๊เลยตัดสินใจโทรกลับไป
เพื่อนก็ร้องไห้ แล้วก็บอกว่า ฟาร์นถูกรถสิบล้อชน อุ๊ยังพอมีสติ เลยรีบกระจายข่าว
แล้วตามไปที่โรงพยาบาล + มีครูและเพื่อน ๆ ตามมา
สุดท้ายตามศพเพื่อนไม่ทัน เพื่อนของอุ๊เป็นอิสลามคะ ญาติ ๆ นำศพไปฝัง
ครูของอุ๊เลยพาอุ๊กับเพื่อน ๆ ขับรถไปที่บ้านของฟาร์น (ศพฟาร์นอยู่ที่บ้าน)
รถซีวิคสีขาว อัดนักเรียนไป 10 คน รวมคนขับเป็น 11 คนคะ
ระยะทางไกลพอสมควร และมีเหตุการณ์บ่อย ๆ ตอนนั้นก็กลัวคะ กลัวจะไม่ถึงบ้านฟาร์น
สุดท้ายก็ถึงคะ เพื่อน ๆ เดินไปดูศพฟาร์น อุ๊ก็ดูคะ แต่ไม่เห็น เพราะว่าน้ำตามันทำให้ตาพร่าไปหมดแล้ว
ฟาร์นเป็นเพื่อนที่น่ารักมากคะ เป็นผู้ชายที่ไม่เล่นกับผู้หญิงแรง ๆ นิสัยดีคะ กวน ๆ นิด ๆ
แต่ก็ใจดี อุ๊เคยโทรไปอำด้วยคะ 55555 แต่อุ๊ยังไม่สารภาพเลย เลยตัดสินใจสารภาพวันที่ฟาร์นเสียเลย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้อุ๊และเพื่อน ๆ เสียใจไปนานเลยคะ ไม่มีกระจิตกระใจจะอ่านหนังสือเลย
แต่จำเป็นต้องอ่าน เพื่อคะแนนคะ สุดท้ายเกรดออกมา เป็นที่หน้าพอใจคะ :)
- เมื่อเพื่อนในห้องเรียนของอุ๊เหลือแค่ 10 คน แต่มาเรียนแค่ 5 คน
ก่อนที่จะเลือกสาขาวิชาที่อุ๊ถนัด อุ๊มีเพื่อนร่วมห้องทั้งหมด 30 กว่าคนคะ
ซึ่งเมื่อแต่ละคนเลือกสาขาวิชาามที่ตัวเองถนัด บางคนก็เลือกเรียนบัญชี , เลขา , การขาย
ส่วนตัวของอุ๊และเพื่อนอีก 14 คนเลือกเรียน สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจคะ
เรียนได้ไม่นาน เพื่อนก็เริ่มทยอย "ลาออกคะ" มีออกก่อนหน้านี้ด้วยคะ
จนปัจจุบันห้องอุ๊มีนักเรียนแค่ 10 คนคะ แต่เข้าเรียนแค่ 5 คน
คนที่มาเรียนประจำ มีแค่ 5 คน นั่นก็คือ ผู้หญิงทั้งหมดคะ
นาน ๆ ทีเพื่อน ๆ จะมาเรียนกันครบคะ 555555.
แต่ถึงมีกันแค่ 10 คน หรือ 5 คน ห้องเรียนของอุ๊ก็มีสีสันมากคะทั้งจากเพื่อน และ ครู
เป็นช่วงเวลาที่สนุกสุด ๆ โดยเฉพาะตอนที่เล่้นเหมือนเด็ก ๆ คะ
วิ่งไล่กันตั้งแต่ ชั้น 3 ขึ้นชั้น 4 ลง ชั้น 3 ขึ้นไป ลงมา จนครูข้างล่างต้องบอกให้หยุดเล่น
ถึงพวกหนูจะ อายุ 17 - 18 แต่พวกหนูก็ยังไม่โตนะค้ะ โตแต่ตัวคะ 5555 อิอิ
- โรงอาหารแตกกระจาย
วันนั้นเป็นวันที่ 18 มกราคม 2556 คะเป็นวันเกิดหัวหน้าห้องตอน ปวช.1 คะ
ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทของอุ๊ และเป็นที่รักของเพื่อนทุกคนคะ
ทุกคนเลยรวมเงินกันซื้อเค้กมาเซอร์ไำพรท์ หลังจากเป่าเทียน กินเค้กเสร็จ
เพื่อน ๆ อยากเล่นครีมเค้กกันคะ โดยการเอาครีมมาแปะหน้า แต่อุ๊ขอบ้ายบายก่อน
โดยขอลุกขึ้นเดินหนีคนแรกเลย อุ๊เดินไปประมาณ 2 โต๊ะคะ
อยู่ดี ๆ ทั้งโต๊ะที่มีเพื่อนประมาณ 10 คน ลุกพร้อมกัน และหนีกระเิจิดกระเจิงไปคนละทาง
ใช่แล้วคะ ในกลุ่มมีคนป้ายหน้าเค้กใส่เพื่อนคะ ทุกคนเลยวิ่งหนี
อุ๊เองก็วิ่งคะ วิ่งไกลมาก ครูในโรงอาหารก็ตกใจกันหมดคะ นึกว่ามีอะไร 55555
สุดท้ายทุกคนก็หนีกลับบ้านบ้างละ หอบ้างละ ทำให้เหลือที่โต๊ะเพียงไม่กี่คน
อุ๊คิดว่าทุกคนคงไม่เล่นกันแล้ว ที่ไหนได้ โดนแปะหน้าเต็ม ๆ เลย ฮ่า ๆ
วันนั้นสนุกมากคะ ได้เหงื่อเยอะมาก เหนื่อยมาก 5555555
- วันนี้เราทำครูผิดหวัง T^T
วันนั้นเป็นวันกำหนดส่งหนังที่ครูให้จับคู่ทำหนังสือเรื่องอะไรก็ได้ คู่ละ 1 เล่มคะ
คู่ของอุ๊ทำเสร็จตั้งแต่ตอนกลางคืนคะ เรื่องมันมีอยู่ว่า ...
หนังสือของคู่อุ๊มันหนาคะ ป้าที่ร้านที่อุ๊เอาไปเข้าเล่มเค้าบอกว่า ให้ใส่กระดูกงูดีกว่า
1. เปิดง่าย 2.ไม่แข็ง 3.เข้าเล่มง่ายด้วย
อุ๊กับเพื่อนเลย โอเค ใส่กระดูกงูก็ได้ พอเอามาส่งครู ครูบอกว่า "ผิดคะ"
ครูบอกว่า ห้องอุ๊มัวแต่พูด คุย ไม่เคยฟังที่ครูบอก ที่ครูสั่ง ครูบอกว่า ครูจะให้ 0 ทั้งห้องคะ
และทิ้งท้ายด้วยคำว่า "นึกว่าเธอจะเก่งจริง แต่ทีี่่จริงก็ไม่เลยนะณัฐชยา"
แล้วครูก็เอางานของอุ๊ไปเลย ตอนนั้นเครียดมาก ทำไงดี ทำไงดี ..
อุ๊เลยลากเพื่อนไปหาึีูครูคะแต่เพื่อนไม่ยอมเ้ข้าไป .. อุ๊เลยฉายเีดี่ยวคนเดียว ยืนยกมือไหว้ครู
ตอนนั้นรู้ตัวเองคะว่า อุ๊เป็นคนที่แย่มาก ๆ ทำให้ึีูครูผิดหวัง รู้สึกผิดมาก ๆ เลย
อุ๊ยืนร้องไห้คะ แล้วขอโทษครู บอกว่าต่อไปนี้จะฟังครู จะไม่เล่นแล้วเวลาครูสอน
อุ๊ของานกลับไปแก้ แล้วจะเอามาส่งใหม่ ครูบอกว่าไม่ให้ ครูจะให้ มส. ทั้งห้อง ไปได้แล้ว
อุ๊เลยออกมาหน้าห้องแล้วร้องไห้ใส่เพื่อนเลย ความรู้สึกตอนนั้นหมดแรงจริง ๆ คะ
ทั้งห้องคิดว่า ครูคงจะเกลียดห้องเราแล้ว .. จนวันเลี้ยงส่งรุ่นพี่ ปวช.3 + ปวส.1
ตอนที่อำลา ครู + รุ่นพี่ ทุกคนจะเดินเป็นวงกลม ตอนนั้นครูคนที่อุ๊ทำให้ผิดหวังก็เดินมา
ห้องอุ๊เดินไปล้อมครูเอาไว้แล้วก็กอดครู + ร้องไ้ห้ พวกอุ๊ถามครูว่า ครูรักพวกหนูมั้ย ?
ครูร้องไห้ และตอบกลับมาว่า รักสิรักสิ แล้วก็กอดพวกเราไว้ แล้วครูก็ว่า ครูไม่ชอบคนดื้อเข้าใจมั้ย
.
หลังจากวันนั้นพวกอุ๊ก็ีรุ้คะว่าึครูเองไม่ได้เกลีัยดอะไรพวกเราเลย
- อุ๊และเพื่อน ๆ เลยคุยกันว่า ต่อไปนี้จะต้องตั้งใจเีรียน จะไม่พูดมาก จะฟังครูให้เยอะ ๆ
จะเปลี่ยนตัวเองกันใหม่เลยคะ .. เพื่อไม่ให้ครูต้องผิดหวังอีัก :)
สุดท้ายเกรดของครูก็ออกมาคะ ของอุ๊ได้เกรด 3 ถือว่ามากกว่าคนอื่น แต่ก็ดีใจคะ ที่ครูไม่ให้ติด 0
ต่อไปนี้อุ๊จะตั้งใจเรียนให้มาก ๆ คะ อิอิ ♥
คืนนี้ขออัพแค่นี้นะค้ะ นึกอะไรไม่ออกแล้ว ฝันดีนะค้ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ ♥
ประสบการณ์เด็กสายอาชีพ ตอนที่ 1
- ก่อนอื่น .. ทำไมอุ๊ถึงเขียนบทความนี้ ?
แน่นอนคะ มุมมองความคิดของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน
อุ๊มองว่า .. การที่อุ๊เข้ามาเรียนสายอาชีพเพราะ เรื่องแรกเลยคะ
อุ๊อยากตามความฝันตัวเอง อุ๊อยากสร้างเว็บไซต์เก่ง อุ๊อยากเปิดร้านซ่อมคอมกับเพื่อนคะ
- แรงบันดาลใจที่ทำให้อุ๊อยากเรียนสายอาชีพคือ ?
คะ แรงบันดาลใจของอุ๊ก็คือ "เพื่อนคะ" อุ๊รู้จักเพื่อน 2 คนคะ
เพื่อนของอุ๊เปิดเว็บไซต์นึงคะ ชื่อว่า www.2-kp.com ซึ่งขณะนี้ได้ปิดตัวลงไปแล้ว
และตอนนั้น อุ๊เองก็รักเว็บ 2-kp มากคะ ก่อนเว็บจะปิดตัวลง เืพื่อนของอุ๊มีปัญหามากมายคะ
ทั้งมีทะเลาะกับสมาชิกในเว็บ (ซึ่งบางเรื่องอุ๊เองก็เป็นต้นเหตุคะ แย่มาก :'( )
มีทั้งเรื่องลิขสิทธิ์ มีคนโทรไปแจ้ง ict หรือแม้กระทั่ง มีคนก็อปเว็บไป แล้วไปแจ้งตำรวจคะ
แต่เพื่อน ๆ ก็สามารถฝ่าวิกฤตในช่วงนั้นได้คะ
แต่สุดท้ายไม่รอดคะ .. เพื่อนต้องปิดเว็บไซต์ลง + ไม่มีเวลาบริหารด้วยคะ
หลังจากเว็บปิดตัวลง อุ๊เองก็เกิดอาการ คิดถึงเว็บมาก ตอนนั้นอุ๊อยู่แึึค่ ม.2-3 เองคะ
เลยได้แรงบันดาลใจมาว่า อุ๊จะเปิดเว็บไซต์เป็นของตัวเองคะ แต่อุ๊เองไม่มีความรู้อะไรเท่าไหร่คะ
ตอน ม.3 ได้มีโอกาสไปแข่งสร้างเว็บไซต์คะ เลยทำให้อุ๊ยิ่งมีแรงบันดาลใจมากยิ่งขึ้นคะ
- ทำไมอุ๊ถึงเข้าเรียนที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา
คะ เหตุผลที่เข้าเรียนที่นี่เพราะ อุ๊ได้ทุนคะ
ตอนนั้นก่อนจบ ม.3 ประมาณ 1 เดือน น้าของอุ๊เป็นครูที่วิทยาลัยเทคนิคยะลาคะ
เค้าก็บอกให้อุ๊ไปดูทุน ซึ่งอุ๊เอง สนใจแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจคะ
ใจจริงอุ๊อยากเรียนที่ เทคนิคยะลา แต่ที่เทคนิคยะลาไม่มีทุนสำหรับแผนก คอมธุรกิจคะ
มีแต่ การยาง .. เลยลองสอบเข้าที่วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลาคะ ปรากฎว่า อุ๊สอบนักเรียนทุน
สอบได้ คนที่ 4 คะ .. มีรูปด้วย 555555
อุ๊สอบนักเรียนทุน จชต. ได้สาขาพณิชยการคะ คือ เรียนก่อน 1 ปี ถึงจะเลือกสาขา
ปัจจุบันอุ๊อยู่ ปวช.2 แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจคะ
- รู้สึกยังไงเมื่อเข้าไปเรียนในวิทยาลัยอาชีวศึกษา
ตอนเข้าไปสมัคร + สอบ อยากบอกว่า วิทยาลัยร้างมากคะ เหมือนไม่มีคนเลย น่ากลัว
การเดินทางก็ไกลมากคะ แต่พอเปิดเทอมวันแรก บรรยากาศเงียบสงบมากคะ
นักเรียนในวิทยาลัยมีน้อยมากเลยคะ ประมาณ 500 - 600 คนเองคะ
แต่พออุ๊เรียนไปเรื่อย ๆ ปรากฎว่า สนุกมากคะ ครูที่วิทยาลัยเป็นกันเองทุกคน
ตอนนี้ได้เลือกแผนกแล้ว ครูในแผนกน่ารักทุกคนเลยคะ เป็นกันเองมาก ๆ
อ.ที่ปรึกษาก็ใจดี ขอบอกเลยคะ ตอนแรกทั้งห้องกลัวมากเลยคะ
เพราะตอนสอบกลางภาค อ.คนนี้มาคุมสอบคะ หันหลังไม่ได้ โดนตบหัวเลย 5555
แต่พอมารู้จักจริง ๆ อ.ใส่ใจรายละเอียดนักเรียนที่ปรึกษามาก ๆ เลยคะ
วันนี้อุ๊ขออัพบล็อกแค่นี้นะค้ะ ค่ำ ๆ อุ๊จะมาอัพบล็อกอีกที .. เจอกันตอนที่ 2 นะค้ะ :D
วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556
หัดทำ "มักโรนี" ครั้งแรก
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 :: หัดทำมักโรนี ครั้งแรก
- วันนี้เข้าครัวเพื่อทำมักโรนีเป็นครั้งแรก
เริ่มจากการ .. ลวกเส้น , หั่นแครอท + ผักชี เตรียมเครื่องปรุง
เริ่มผัด ๆๆๆ ,, แล้วก็ใส่ซอสนั่น ซอสนี่ เติมนั่นเติมนี่ไปเรื่อย ๆ
สุดท้าย มักโรนีหน้าตาก็ออกมาเป็นแบบนี้ .. แท่นแทนแท๊นนนนน ~
หน้ากินมั้ยค้ะ ?? .. จัดใส่จาน 2 ที่ สำหรับแม่ แล้วก็ฉัน :D
- วันนี้เข้าครัวเพื่อทำมักโรนีเป็นครั้งแรก
เริ่มจากการ .. ลวกเส้น , หั่นแครอท + ผักชี เตรียมเครื่องปรุง
เริ่มผัด ๆๆๆ ,, แล้วก็ใส่ซอสนั่น ซอสนี่ เติมนั่นเติมนี่ไปเรื่อย ๆ
สุดท้าย มักโรนีหน้าตาก็ออกมาเป็นแบบนี้ .. แท่นแทนแท๊นนนนน ~
หน้ากินมั้ยค้ะ ?? .. จัดใส่จาน 2 ที่ สำหรับแม่ แล้วก็ฉัน :D
- แม่กลับมาจากที่ทำงาน มาลองชิมมักโรนี ผลปรากฎว่า .. อร่อยมากกกกกกก เ้ย้ ๆ
ไม่เคยทำ แล้วก็ไม่รู้ว่า ต้องทำยังไง จำได้แค่ รสชาติของมักโรนีเป็นยังไง ก็ใส่นั่นนี่ชิมไปเรื่อยๆ
จนออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ .. อิอิ
หน้ากินรึป่าววว ไว้คราวหน้าจะเข้าครัวลองทำเมนูอื่นดู แล้วจะมาอัำพบล็อกใหม่นะค้ะ จุ้บ ๆ
วันนี้พอแค่นี้ก่อน บ๊ายยบายยยย ♥
my remember ช่วงที่ดีที่สุด
ย้อนกลับไป เมื่อปี 2554
วันที่ 31 ธันวาคม 2554
ฉันเดินทางไปเที่ยวเทศกาลปีใหม่ต่างจังหวัดกับครอบครัว และเดินทางกลับมาวันที่ 2 มกราคม 2555
วันที่ 9 มกราคม 2555
เราไม่ได้เช็คเมลล์เลย เราเลยเปิดมาเช็คเมลล์ประมาณ เกือบเที่ยงคืน
เราได้รับอีเมลล์จากเจ๊ หัวข้อเขียนว่า จดหมายแจ้งข่าว
เราใจไม่ค่อยดีแล้วหละ
ในเมลล์ฉบับนี้เขียนว่า
วันจันทร์ ที่ 9 มกราคม 2555
เรื่อง ขอแจ้งข่าวค่ะ
เรียน คุณอ้อ คุณเอพริว และทุกๆ ท่าน ณ บ้านคุณฟีลิปดา
สวัสดีค่ะ
ดิฉัน ดวงดาว ลี แม่ของเอริกา ลี ค่ะ วันนี้ดาวต้องขอแจ้งข่าวกับทุกท่านว่า เอริกา ลี ได้จากพวกเราไปแล้วอย่างสงบ ไม่เจ็บปวดค่ะ ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 2 มกราคม 2555 เวลา 23.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เธอเกิดพอดีค่ะ และเราตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดกะรน เป็นเวลา 3 วัน เพิ่งเสร็จสิ้นงานศพไปค่ะ
เอริกา ได้เขียนพินัยกรรมมอบร่างกายให้กับโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย และทางโรงพยาบาลได้มารับศพเธอไปแล้วค่ะ
ดาวต้องกราบขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ ที่ไม่มีโอกาสได้แจ้งข่าวทั้งทางเมล์และทางโทรศัพท์ให้ทุกท่านทราบ และเป็นความประสงค์ของลูกด้วยค่ะที่บอกว่า แม่อย่าเพิ่งบอกพี่อ้อ พี่เอพริว และป้าๆ พี่ๆ ที่บ้านป้าฟีนะคะ จนกว่างานหนูจะเสร็จสิ้นค่ะ เพราะไม่อยากให้ทุกท่านเป็นห่วง
แต่พอดาวมาเปิดเมล์ลูกถึงได้รู้ว่า ทุกคนเป็นห่วง เขียนจดหมายถามถึงมาเสมอ ทำให้ดาวรู้สึกผิดจริงๆ ค่ะ ต้องกราบขออภัย มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
ดาวได้ทำหน้าที่ของแม่เรียบร้อยแล้ว และอยากจะสานต่อความฝันของลูกที่อยากทำหนังสือให้เสร็จค่ะ และจะพยายามหัดเขียนนิยายแทนลูกด้วยค่ะและหวังว่าคงได้รับคำแนะนำ ข้อคิดดีๆ ในการเขียนนะคะ
ตอนนี้หนังสืออยู่ในขั้นตอนการเรียบเรียงใหม่และเขียนคำนิยมในหนังสือของเธอค่ะ
หากไม่เป็นการรบกวนทุกท่านเกินไปนัก ดาวอยากขอความกรุณาทุกท่านเขียนคำนิยมในหนังสือของเธอด้วยได้หรือไม่คะ ดาวได้ส่งตัวอย่างคำนิยมแนบมาให้ดูด้วยค่ะ
หากท่านใดประสงค์อยากเขียน รบกวนเขียนส่งมาได้เลยนะคะ ดาวจะได้จัดพิมพ์ลงไปด้วยค่ะ และจะได้จัดส่งไปให้ทุกท่านด้วยค่ะ
ต่อจากนี้ไป ชีวิตของครอบครัวเรา คงต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างค่ะ โทนี่ พ่อของเอริกา ตอนนี้ยังไม่สามารถเขียนหรือทำงานใดๆ ได้เลยค่ะ ดาวซึ่งเป็นแม่คงต้องเข้มแข็งให้ได้ที่สุดค่ะ
สุดท้ายนี้ ดาวและครอบครัวทุกคน ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านในความเมตตา กรุณาที่มีต่อเอริกา เสมอมาค่ะ พวกเราจะขอจดจำไปตลอดกาล
ครอบครัวลี
ป.ล. ดาวจะใช้เมล์ของเอริกาค่ะ และดาวจะยังสานต่อโครงการช่วยเหลือสัตว์ของเอริกาเช่นเดิมค่ะ ตามพินัยกรรมที่ลูกเขียนไว้ให้ และดาวยังมีหนังสือที่เอริกาฝากให้พี่ๆ ด้วยค่ะ ซึ่งดาวจะจัดส่งไปอีกทีนะคะ
เราร้องไห้ออกมาไม่หยุดเลย มันรู้สึกเสียใจ เสียใจมาก ๆ ร้องไห้ลั่นบ้าน
หยุดทำทุกอย่าง วิ่งขึ้นไปบนห้อง เปิดประตูแล้วเข้าไปร้องไห้ใส่แม่
แม่ก็ถามว่ามีอะไร เราเลยบอก เจ๊ไม่อยู่แล้ว เจ๊เสียแล้ว
เราร้องไห้ตลอดทั้งคืน ร้องไห้ข้ามวัน ร้องจนแม่เราต้องลงมาบอกว่า
ให้หยุดร้องได้แล้ว เพราะเราร้องเสียงดังมาก
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เราก็ยังนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นแหละ
เราเลยแบบ ไม่ไหวละ ขึ้นห้องนอนดีกว่า เราไม่อยากคิดมาก
ไม่อยากให้เจ๊เป็นห่วง เราก็แบบ เข้าไปในห้อง เปิดห้องเรา
เปิดไฟ สายตาเราหันไปมอง เห็นกล่องพัสดุที่เจ๊ส่งมา เห็นผ้าพันคอสีเหลืองของเจ๊ เราเหมือนคนบ้าอะ ร้องไห้เสียงดังอีกครั้ง แล้ววิ่งเข้าไปกอดกล่องพัสดุ
กอดผ้าพันคอ ร้องไห้ทั้งคืน จนแม่ต้องเข้ามาสั่งให้หยุดร้องไห้อีกรอบ
เพราะเราร้องไห้ดังไปถึงห้องที่แม่นอนอะ แบบมันเจ็บมันเสียใจมาก
มันบอกไม่ถูก มันเร็วเกินไปอะ T T’
เราคิดทบทวน เราไม่น่าไปเที่ยวปีใหม่เลย เราน่าจะใช้เวลาอยู่กับเจ๊ให้นานที่สุดอะ เจ๊เข้าใจเราทุกอย่าง เราเสียใจที่เราไม่ได้อยู่คุยกับเจ๊
ตลอดเวลาที่เจ๊คุยกับเรา เจ๊ทรมานมากอะ ไม่มีแรงแม้แต่จะพิมพ์ แต่เจ๊ก็ฝืนพิมพ์
ฝืนอ่านนิยายที่เราส่งไปให้อ่าน ฝืนทำทุกอย่างให้คนรอบข้างมีความสุข
เราไม่รุ้จะพูดยังไงอะ T T
คือเราไม่รุ้จะต่อยังไงแล้ว แต่อยากให้ข้อคิดกับเพื่อน ๆ ว่า
ใส่ใจคนข้่าง ๆ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ขอบคุณที่อ่านนะค้ะ
ฉันมีโอกาสได้รู้จัก ผู้หญิงคนนึง เธอชื่อ เอริกา ลี (เจ๊กระถิน) เธอเป็นรุ่นพี่ฉัน 1 ปี ..
เธอเป็นลูกครึ่ง ไทย - ออสเตรเลีย และที่สำคัญ เธอเป็นโรคพุ่มพวง
.
ฉันได้มีโอกาสรู้จักกับเจ๊กระถินผ่านเว็บไซต์นักเขียนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2554
เจ๊กระถินเป็นคนที่พูดเก่ง คุยสนุก เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งที่ปรึกษา และครูของฉัน
วันแรกที่คุยกัน เจ๊กระถินขอที่อยู่ฉันเพื่อส่งหนังสือมาให้อ่้าน + เป็นของขวัญปีใหม่
ไม่กี่วันกล่องพัสดุก็มาถึง .. ในกล่องพัสดุมีัหนังสือ 10 เล่ม และ ผ้าพันคอ 1 ผืน
วันที่ 31 ธันวาคม 2554
ฉันเดินทางไปเที่ยวเทศกาลปีใหม่ต่างจังหวัดกับครอบครัว และเดินทางกลับมาวันที่ 2 มกราคม 2555
หลังจากนั้นฉันก็ขาดการติดต่อจากเจ๊กระถินไปเลย แต่ฉันก็ยังส่งเมลล์ไปหาเสมอ
วันที่ 9 มกราคม 2555
เราไม่ได้เช็คเมลล์เลย เราเลยเปิดมาเช็คเมลล์ประมาณ เกือบเที่ยงคืน
เราได้รับอีเมลล์จากเจ๊ หัวข้อเขียนว่า จดหมายแจ้งข่าว
เราใจไม่ค่อยดีแล้วหละ
ในเมลล์ฉบับนี้เขียนว่า
วันจันทร์ ที่ 9 มกราคม 2555
เรื่อง ขอแจ้งข่าวค่ะ
เรียน คุณอ้อ คุณเอพริว และทุกๆ ท่าน ณ บ้านคุณฟีลิปดา
สวัสดีค่ะ
ดิฉัน ดวงดาว ลี แม่ของเอริกา ลี ค่ะ วันนี้ดาวต้องขอแจ้งข่าวกับทุกท่านว่า เอริกา ลี ได้จากพวกเราไปแล้วอย่างสงบ ไม่เจ็บปวดค่ะ ตั้งแต่วันจันทร์ ที่ 2 มกราคม 2555 เวลา 23.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เธอเกิดพอดีค่ะ และเราตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดกะรน เป็นเวลา 3 วัน เพิ่งเสร็จสิ้นงานศพไปค่ะ
เอริกา ได้เขียนพินัยกรรมมอบร่างกายให้กับโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย และทางโรงพยาบาลได้มารับศพเธอไปแล้วค่ะ
ดาวต้องกราบขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ ที่ไม่มีโอกาสได้แจ้งข่าวทั้งทางเมล์และทางโทรศัพท์ให้ทุกท่านทราบ และเป็นความประสงค์ของลูกด้วยค่ะที่บอกว่า แม่อย่าเพิ่งบอกพี่อ้อ พี่เอพริว และป้าๆ พี่ๆ ที่บ้านป้าฟีนะคะ จนกว่างานหนูจะเสร็จสิ้นค่ะ เพราะไม่อยากให้ทุกท่านเป็นห่วง
แต่พอดาวมาเปิดเมล์ลูกถึงได้รู้ว่า ทุกคนเป็นห่วง เขียนจดหมายถามถึงมาเสมอ ทำให้ดาวรู้สึกผิดจริงๆ ค่ะ ต้องกราบขออภัย มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
ดาวได้ทำหน้าที่ของแม่เรียบร้อยแล้ว และอยากจะสานต่อความฝันของลูกที่อยากทำหนังสือให้เสร็จค่ะ และจะพยายามหัดเขียนนิยายแทนลูกด้วยค่ะและหวังว่าคงได้รับคำแนะนำ ข้อคิดดีๆ ในการเขียนนะคะ
ตอนนี้หนังสืออยู่ในขั้นตอนการเรียบเรียงใหม่และเขียนคำนิยมในหนังสือของเธอค่ะ
หากไม่เป็นการรบกวนทุกท่านเกินไปนัก ดาวอยากขอความกรุณาทุกท่านเขียนคำนิยมในหนังสือของเธอด้วยได้หรือไม่คะ ดาวได้ส่งตัวอย่างคำนิยมแนบมาให้ดูด้วยค่ะ
หากท่านใดประสงค์อยากเขียน รบกวนเขียนส่งมาได้เลยนะคะ ดาวจะได้จัดพิมพ์ลงไปด้วยค่ะ และจะได้จัดส่งไปให้ทุกท่านด้วยค่ะ
ต่อจากนี้ไป ชีวิตของครอบครัวเรา คงต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างค่ะ โทนี่ พ่อของเอริกา ตอนนี้ยังไม่สามารถเขียนหรือทำงานใดๆ ได้เลยค่ะ ดาวซึ่งเป็นแม่คงต้องเข้มแข็งให้ได้ที่สุดค่ะ
สุดท้ายนี้ ดาวและครอบครัวทุกคน ขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านในความเมตตา กรุณาที่มีต่อเอริกา เสมอมาค่ะ พวกเราจะขอจดจำไปตลอดกาล
ครอบครัวลี
ป.ล. ดาวจะใช้เมล์ของเอริกาค่ะ และดาวจะยังสานต่อโครงการช่วยเหลือสัตว์ของเอริกาเช่นเดิมค่ะ ตามพินัยกรรมที่ลูกเขียนไว้ให้ และดาวยังมีหนังสือที่เอริกาฝากให้พี่ๆ ด้วยค่ะ ซึ่งดาวจะจัดส่งไปอีกทีนะคะ
เราร้องไห้ออกมาไม่หยุดเลย มันรู้สึกเสียใจ เสียใจมาก ๆ ร้องไห้ลั่นบ้าน
หยุดทำทุกอย่าง วิ่งขึ้นไปบนห้อง เปิดประตูแล้วเข้าไปร้องไห้ใส่แม่
แม่ก็ถามว่ามีอะไร เราเลยบอก เจ๊ไม่อยู่แล้ว เจ๊เสียแล้ว
เราร้องไห้ตลอดทั้งคืน ร้องไห้ข้ามวัน ร้องจนแม่เราต้องลงมาบอกว่า
ให้หยุดร้องได้แล้ว เพราะเราร้องเสียงดังมาก
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เราก็ยังนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นแหละ
เราเลยแบบ ไม่ไหวละ ขึ้นห้องนอนดีกว่า เราไม่อยากคิดมาก
ไม่อยากให้เจ๊เป็นห่วง เราก็แบบ เข้าไปในห้อง เปิดห้องเรา
เปิดไฟ สายตาเราหันไปมอง เห็นกล่องพัสดุที่เจ๊ส่งมา เห็นผ้าพันคอสีเหลืองของเจ๊ เราเหมือนคนบ้าอะ ร้องไห้เสียงดังอีกครั้ง แล้ววิ่งเข้าไปกอดกล่องพัสดุ
กอดผ้าพันคอ ร้องไห้ทั้งคืน จนแม่ต้องเข้ามาสั่งให้หยุดร้องไห้อีกรอบ
เพราะเราร้องไห้ดังไปถึงห้องที่แม่นอนอะ แบบมันเจ็บมันเสียใจมาก
มันบอกไม่ถูก มันเร็วเกินไปอะ T T’
เราคิดทบทวน เราไม่น่าไปเที่ยวปีใหม่เลย เราน่าจะใช้เวลาอยู่กับเจ๊ให้นานที่สุดอะ เจ๊เข้าใจเราทุกอย่าง เราเสียใจที่เราไม่ได้อยู่คุยกับเจ๊
ตลอดเวลาที่เจ๊คุยกับเรา เจ๊ทรมานมากอะ ไม่มีแรงแม้แต่จะพิมพ์ แต่เจ๊ก็ฝืนพิมพ์
ฝืนอ่านนิยายที่เราส่งไปให้อ่าน ฝืนทำทุกอย่างให้คนรอบข้างมีความสุข
เราไม่รุ้จะพูดยังไงอะ T T
คือเราไม่รุ้จะต่อยังไงแล้ว แต่อยากให้ข้อคิดกับเพื่อน ๆ ว่า
ใส่ใจคนข้่าง ๆ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ขอบคุณที่อ่านนะค้ะ
25 ตุลาคม 2554 :: เหตุการณ์ความไม่สงบภาคใต้
วันนั้น เพื่อน ๆ 3/3 และเพื่อนคนอื่น ๆ รวมตัวกันไปกินหมูกระทะ
วันนั้นกินกันได้ซักพัก ก็มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
สักพักเพื่อนก็โทรมา บอกว่า ให้รีบกลับบ้าน
มีระเบิด พอวางสายปุ๊ป ก็หันไปบอกเพือน ๆ ว่ามีระเบิด
เพื่อน ๆ ก็ลุกขึ้นเตรียมจ่ายเงิน
ฉันหันหน้าไปที่จอดรถ แล้วระเบิดก็เกิดระเบิดขึ้น
ทุกคนวิ่งไปหลังร้าน ติดต่อโทรหาพ่อแม่
ระเบิดก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเราก็นั่งคุยกัน ถ่ายรูปกัน 5 555. (สนุกดี)
ซักพัก เจ้าหน้าที่ก็เครียสถานที่ได้
เลยตกลงกันว่า จะขับรถกันไปบ้านกร
พอออกมา ปรากฎว่าโคตรโชคดี ไม่มีรถใครเสียหาย
และรถฉันก็อยู่ใกล้กับระเบิดมากที่สุด 555
พอไปถึงบ้านกร ก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า
ระเบิดก้ยังดังขึ้นอยู่เป็นระยะ ๆ
.
เพื่อนบางคนก็มีพ่อแม่มารับกลับบ้าน
ก็เหลืออยู่ที่บ้านกร 11 คน
พอประมาณ 11 โมง
พวกผู้หญิงก็ขับรถกลับบ้าน
บนถนนไม่ค่อยมีคน แถมยังเงียบมาก ๆ ๆ
.
สุดท้ายทุกคนก็กลับบ้านอย่างปลอดภัย
.
จะไม่มีวันลืมวันนี้เลย ฮ่า ๆ
โคตรอบอุ่น :')
ด้วยรักและคิดถึง
สวัสดีคะ .. บทความนี้เป็นบทความแรกที่ดิฉันเขียนขึ้นคะ
เวลาผ่านไป 2 ปี .. ช่างแสนยาวนานเหลือเกิน
ต่างคนต่างพบเจอเรื่องราวมากมาย ทั้งเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ
"คำบางคำไม่ต้องพูดนะ .. รู้ว่าเรานะรู้กัน คำคำเดียวมันไม่สำคัญ เอาว่าเรานะรู้ดี"
"รักไม่รักไม่ต้องพูดนะ .. คบกันมาตั้งหลายปี เจอกันมาทั้งร้ายดี ยังไม่เคยจะทิ้งกัน"
".. เท่านั้นพอ .."
- 4 ปีที่คบกันมา .. บอกได้เลยว่าเรา .. "โชคดี" ที่สุด ที่มีเพื่อนอย่างพวกเธอ 3/3
ถึงแม้ตอนนี้ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเดินทางตามความฝัน
ถึงแม้ตอนนี้ เราจะเริ่มห่าง ๆ กัน ถึงแม้ตอนนี้ เราจะไม่ได้คุยกัน ..
แต่ไม่มีัสักวันที่ฉันไม่เคยไม่คิดถึงพวกเธอ :)
"จับมือกันไว้ .. แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะ "พรากไป"
-# รูปอาจจะไม่ครบทั้ง 46 คน แต่เราก็ไม่เคยลืมทุกคนนะ
ด้วยรักและคิดถึง
26 เมษายน 2556 เวลา 20:59
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)